ปราจีนบุรี เที่ยวไหนดี? รวมสถานที่ท่องเที่ยว กิน พัก ครบจบในบทความเดียว

ปราจีนบุรี เที่ยวไหนดี? รวมสถานที่ท่องเที่ยว กิน พัก ครบจบในบทความเดียว

ปราจีนบุรี

จังหวัด ปราจีนบุรี ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลายและโดดเด่น ดังนี้:

1. ที่ตั้ง ปราจีนบุรี

  • พิกัดภูมิศาสตร์: อยู่ระหว่างละติจูดประมาณ 13°45′ ถึง 14°15′ เหนือ และลองจิจูด 101°15′ ถึง 101°45′ ตะวันออก
  • มีอาณาเขตติดต่อกับ:
    • เหนือ: จังหวัดนครราชสีมา
    • ตะวันออก: จังหวัดสระแก้ว
    • ใต้: จังหวัดฉะเชิงเทรา
    • ตะวันตก: จังหวัดนครนายก

2. ลักษณะภูมิประเทศ

  • พื้นที่ส่วนใหญ่เป็น ที่ราบลุ่มแม่น้ำ เหมาะสำหรับการเพาะปลูก โดยเฉพาะข้าวและพืชเศรษฐกิจ
  • มีพื้นที่ภูเขาและป่าไม้ทางด้านเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก
  • พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน

3. แม่น้ำสำคัญ

  • แม่น้ำปราจีนบุรี เป็นแม่น้ำสายหลัก ไหลผ่านกลางจังหวัดและหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรม
  • ไหลไปรวมกับแม่น้ำนครนายก กลายเป็นแม่น้ำบางปะกงในจังหวัดฉะเชิงเทรา

4. ภูมิอากาศ

  • เป็นภูมิอากาศแบบ ร้อนชื้นเขตร้อน (Tropical savanna climate)
  • มี 3 ฤดู: ร้อน (มี.ค.–พ.ค.), ฝน (มิ.ย.–ต.ค.), หนาว (พ.ย.–ก.พ.)
  • มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน

5. ทรัพยากรธรรมชาติ

  • ป่าไม้สมบูรณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
  • มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตกต่าง ๆ, ภูเขา, และป่าดิบเขา
  • ดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเกษตรกรรม

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ปราจีนบุรี

จังหวัดปราจีนบุรีเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบวันเดียวหรือพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์

🌿 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ

1.อุทยานแห่งชาติทับลาน

ปราจีนบุรี

อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สำคัญของประเทศไทย และเป็นพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยเฉพาะพืชพรรณป่าดิบเขาและป่าลานที่หาชมได้ยาก

📍 ข้อมูลเบื้องต้น
  • ที่ตั้ง: ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดหลักคือ ปราจีนบุรี (อ.นาดี) และ นครราชสีมา (อ.วังน้ำเขียว, อ.ครบุรี)
  • พื้นที่: ประมาณ 2,236.85 ตารางกิโลเมตร (1,397,375 ไร่) ถือว่าเป็นอุทยานฯ ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย
  • ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ: เมื่อปี พ.ศ. 2524
🌿 ลักษณะภูมิประเทศ
  • เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีความชื้นสูงตลอดปี
  • มีลำธาร น้ำตก และพื้นที่ป่าดิบเขา
  • เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำหลายสาย เช่น ลำพระเพลิง ลำมูลบน ลำปลายมาศ และลำแซะ
🌱 พืชพรรณที่โดดเด่น
  • เป็นแหล่งสุดท้ายในประเทศไทยที่มี ต้นลาน (Corypha lecomtei) ขึ้นตามธรรมชาติในจำนวนมาก
  • ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง และป่าดิบเขา
  • พืชหายาก เช่น ปรงชนิดต่าง ๆ กล้วยไม้ป่า เฟิน ฯลฯ
🐘 สัตว์ป่า
  • เป็นถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น:
    • ช้างป่า, เสือโคร่ง, หมีควาย, เลียงผา
    • สัตว์เลื้อยคลานและนกป่าหลากหลายสายพันธุ์
🗺️ จุดท่องเที่ยวน่าสนใจ
  1. ผาเก็บตะวัน – จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน และกิจกรรมยิงเมล็ดพันธุ์ด้วยหนังสติ๊ก
  2. น้ำตกทับลาน – น้ำตกชั้นเดียวที่สวยงาม ท่ามกลางธรรมชาติสมบูรณ์
  3. เส้นทางศึกษาธรรมชาติ – สำหรับนักเดินป่าและศึกษาพันธุ์พืช-สัตว์

2.แก่งหินเพิง

แก่งหินเพิง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวผจญภัยทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากในจังหวัด ปราจีนบุรี โดยเฉพาะในด้าน ล่องแก่งเรือยาง ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากทุกปี

📍 ข้อมูลทั่วไป
  • ที่ตั้ง: ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี
  • พื้นที่: อยู่ในเขตของ อุทยานแห่งชาติแก่งหินเพิง (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทับลาน)
  • ห่างจากตัวเมืองปราจีนบุรีประมาณ 45 กิโลเมตร
🌊 ลักษณะทางธรรมชาติ
  • เป็นแก่งหินกลางแม่น้ำใสใหญ่ (แม่น้ำสายหนึ่งของปราจีนบุรี)
  • มีความยาวของลำน้ำสำหรับล่องแก่งประมาณ 3–5 กิโลเมตร
  • ระดับความยากในการล่องแก่งอยู่ที่ ระดับ 3–5 (ตามมาตรฐานสากล) เหมาะสำหรับผู้มีประสบการณ์ระดับกลางถึงสูง
🚣‍♂️ กิจกรรมเด่น: ล่องแก่ง
  • เปิดให้บริการในช่วง ฤดูฝน: ปกติประมาณ เดือนกรกฎาคม–ตุลาคม (น้ำหลากและไหลแรง)
  • ใช้ เรือยาง พร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เสื้อชูชีพ หมวกกันกระแทก
  • มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเส้นทาง
  • นักท่องเที่ยวจะได้ล่องผ่านแก่งต่าง ๆ เช่น:
    • แก่งวังผักหนาม
    • แก่งวังไทร
    • แก่งหินเพิง (ไฮไลต์ใหญ่สุด)
🏞️ จุดเด่น
  • เป็นหนึ่งในจุดล่องแก่งที่ดีที่สุดของภาคตะวันออก
  • รายล้อมด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีทั้งป่าเขาและพืชพันธุ์เฉพาะถิ่น
  • สามารถชมวิวผาหินและแม่น้ำสวยงามระหว่างทาง

🏛️ สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

1.วัดแก้วพิจิตร

วัดแก้วพิจิตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี นิกายธรรมยุติ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ถือเป็นวัดสำคัญที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น

🏛️ ประวัติความเป็นมา

  • ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2422 โดยนางประมูล โภคา (แก้ว ประสังศิต) ภรรยาของขุนประมูลภักดี
  • ต่อมาในปี พ.ศ. 2461 เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ได้สร้างพระอุโบสถเพิ่มเติม และวัดนี้กลายเป็นวัดประจำสกุลอภัยวงศ์

🎨 สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม

  • พระอุโบสถของวัดแก้วพิจิตรมีความโดดเด่นด้วยการผสมผสานศิลปะจาก 4 วัฒนธรรม ได้แก่:
    • ไทย: ช่อฟ้า ใบระกา และลวดลายปูนปั้นเรื่องรามเกียรติ์
    • จีน: ลวดลายมังกรและภาพวาดสไตล์จีน
    • ยุโรป: เสาแบบโรมันหัวเสาโครินเธียน
    • เขมร: ซุ้มประตูและลวดลายปูนปั้นแบบขอม
  • ภายในพระอุโบสถมีภาพวาดบนผืนผ้าแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ วาดโดยช่างหลวงในสมัยรัชกาลที่ 6

2.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ปราจีนบุรี

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นอาคารเก่าแก่และสำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี ที่มีคุณค่าทั้งด้าน ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และการแพทย์แผนไทย ปัจจุบันเป็น พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย ที่โด่งดังระดับประเทศ

🏛️ ข้อมูลทั่วไป

  • ที่ตั้ง: บริเวณโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี
  • สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2452 โดย เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ขุนนางผู้มีบทบาทสำคัญในภาคตะวันออกของไทย

🎖️ วัตถุประสงค์การสร้าง

  • สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็น ที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ในการเสด็จประพาสต้นภาคตะวันออก
  • แต่ ร.5 สวรรคต ก่อนเสด็จ ทำให้ตึกนี้กลายเป็นที่ประทับของ รัชกาลที่ 6 แทน เมื่อพระองค์เสด็จฯ ภาคตะวันออกในปี พ.ศ. 2454

🏗️ สถาปัตยกรรม

  • เป็นอาคาร สไตล์บาโรก (Baroque) แบบยุโรป สองชั้น สีเหลืองอ่อนโดดเด่น
  • มีลวดลายปูนปั้นประดับประดาอย่างวิจิตร
  • ใช้วัสดุก่อสร้างนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งไม้กระดาน กระเบื้อง และกระจก
  • เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมตะวันตกที่งดงามและหายากในประเทศไทย

🌿 พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทย

  • ปัจจุบันใช้เป็น พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร แสดง:
    • สมุนไพรไทย
    • ตำรายาโบราณ
    • ยาไทยดั้งเดิม
    • การนวดและเวชกรรมไทย
  • เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านสมุนไพรที่สำคัญ และศูนย์กลางการแพทย์แผนไทยของประเทศ