ลำปาง – เมืองเสน่ห์เหนือสุดคลาสสิกที่คุณไม่ควรพลาด

ลำปาง – เมืองเสน่ห์เหนือสุดคลาสสิกที่คุณไม่ควรพลาด

ลำปาง

ลำปาง เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองรถม้า” และมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติงดงาม เช่น อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และวัดพระธาตุลำปางหลวง นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงด้านเซรามิก และเป็นแหล่งปลูกลำไยที่สำคัญของประเทศ

ที่ตั้ง

  • อยู่ทางตอนบนของภาคเหนือ
  • มีพิกัดระหว่างเส้นละติจูด 17°30′ ถึง 19°15′ เหนือ และลองจิจูด 98°30′ ถึง 100°15′ ตะวันออก
  • ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 600 กิโลเมตร

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ: ติดต่อกับจังหวัดพะเยาและเชียงราย
  • ทิศตะวันออก: ติดต่อกับจังหวัดแพร่
  • ทิศใต้: ติดต่อกับจังหวัดสุโขทัยและตาก
  • ทิศตะวันตก: ติดต่อกับจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่

ลักษณะภูมิประเทศ

  • เป็นแอ่งกระทะล้อมรอบด้วยเทือกเขา เช่น เทือกเขาผีปันน้ำ เทือกเขาขุนตาล และดอยหลวง
  • มีที่ราบลุ่มบริเวณแม่น้ำวังไหลผ่านกลางจังหวัด
  • ดินในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ปลูกพืชได้ดี เช่น ข้าว พืชผัก และลำไย

ภูมิอากาศ

  • เป็นแบบเขตร้อนชื้น (เขตร้อนแบบมรสุม)
  • มี 3 ฤดู: ฤดูร้อน (มีนาคม–พฤษภาคม), ฤดูฝน (มิถุนายน–ตุลาคม), ฤดูหนาว (พฤศจิกายน–กุมภาพันธ์)
  • อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 20–38 องศาเซลเซียส
  • ฤดูร้อนอากาศค่อนข้างร้อนจัด โดยเฉพาะบริเวณตัวเมืองลำปางที่อยู่ในแอ่งกระทะ

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจจังหวัด ลำปาง

1.อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน

ลำปาง

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตั้งอยู่ที่ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัด ลำปาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 480,000 ไร่ ครอบคลุมอำเภอเมืองปาน อำเภอแจ้ห่ม อำเภอวังเหนือ และอำเภอเมืองลำปาง

ไฮไลต์ที่น่าสนใจ

  • บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน: บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีอุณหภูมิประมาณ 70–80°C นักท่องเที่ยวนิยมต้มไข่ในบ่อน้ำร้อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15–17 นาที ไข่แดงจะสุกพอดี ส่วนไข่ขาวจะยังเหลวคล้ายไข่ออนเซ็น
  • น้ำตกแจ้ซ้อน: น้ำตกที่มีทั้งหมด 6 ชั้น เกิดจากลำห้วยแม่มอญ ไหลผ่านภูมิประเทศที่มีระดับความสูงแตกต่างกัน น้ำใสเย็นไหลตลอดปี และมีแอ่งน้ำรองรับตลอดสาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเล่นน้ำ
  • ห้องอาบน้ำแร่: อุทยานฯ มีบริการห้องอาบน้ำแร่ทั้งแบบส่วนตัวและแบบรวม น้ำแร่ที่นี่มีอุณหภูมิประมาณ 39–42°C ซึ่งเชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าและดีต่อสุขภาพผิว
  • กิ่วหิน: จุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนดอยตอกหิน สูงจากระดับน้ำทะเล 1,431 เมตร สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนและทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวได้อย่างสวยงาม

การเดินทาง

  • จากตัวเมืองลำปางไปอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 73 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
  • หากไม่มีรถส่วนตัว สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางสายลำปาง–แจ้ซ้อน จากถนนตลาดเก่า ไปลงที่ทำการอุทยานฯ ค่าโดยสารประมาณ 50 บาท มีรถออกตั้งแต่เวลา 08:00–18:00 น.

2.หล่มภูเขียว

ลำปาง

หล่มภูเขียวเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่โดดเด่นในจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่คล้ายปล่องภูเขาไฟ เกิดจากการยุบตัวของหินปูนซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อนแล้วจมลงใต้น้ำ เรียกว่า “หลุมยุบ” (Sinkhole) แอ่งน้ำนี้มีขนาดประมาณ 1–2 ไร่ ล้อมรอบด้วยหน้าผาหินปูนสูงชัน น้ำในแอ่งมีสีเขียวมรกตใสสวยงาม และมีความลึกที่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด คาดว่าอาจลึกถึง 40 เมตร

บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบแล้งที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย หล่มภูเขียวเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลายชนิด และมีความเชื่อในท้องถิ่นว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีพญางูใหญ่อาศัยอยู่ ชาวบ้านจึงมีการทำพิธีบูชาน้ำเป็นประจำทุกปี

3.วัดพระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมล้านนา ตั้งอยู่ที่ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร

ประวัติความเป็นมา

วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้งอยู่ในบริเวณซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร ตามประวัติ พระนางจามเทวีเคยเสด็จมานมัสการและทำการบูรณะซ่อมแซมอยู่เสมอ นับว่าเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล

สถาปัตยกรรมและสิ่งสำคัญภายในวัด

  • องค์พระธาตุเจดีย์: เจดีย์ทรงล้านนา ก่ออิฐถือปูน หุ้มด้วยแผ่นทองเหลืองฉลุลายหรือที่เรียกว่าทองจังโก ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
  • วิหารหลวง: วิหารประธานของวัด ตั้งอยู่บนแนวเดียวกับประตูโขงและองค์พระธาตุเจดีย์ เป็นวิหารจั่วรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงวิหารโล่งตามแบบล้านนายุคแรก หลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ภายในวิหารบรรจุมณฑปพระเจ้าล้านทอง
  • ประตูโขง: ซุ้มประตูทางเข้าวัดที่มีลวดลายปูนปั้นสวยงาม เป็นฝีมือช่างหลวงโบราณ ใช้เป็นสัญลักษณ์เมืองลำปางในตราจังหวัดลำปาง
  • วิหารน้ำแต้ม: วิหารเปิดโล่งที่เก่าแก่ที่สุดอีกหลังหนึ่งทางภาคเหนือ ภายในมีภาพจิตรกรรมศิลปะล้านนาบนแผงไม้คอสองที่กล่าวกันว่าเก่าแก่ที่สุดและหลงเหลือเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย
  • พระแก้วดอนเต้า: พระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนาสลักด้วยหยกสีเขียว เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง

4.วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์

วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง” ตั้งอยู่บนยอดดอยปู่ยักษ์ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง

ความโดดเด่นของวัด

  • เจดีย์สีขาวบนยอดเขา: วัดนี้มีเจดีย์สีขาวขนาดเล็กหลายองค์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงประมาณ 815 เมตรจากระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยทิวเขาสูงและธรรมชาติที่สวยงาม เป็นภาพที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากมาเยือน
  • รอยพระพุทธบาท: ภายในวัดมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวอำเภอแจ้ห่มมาอย่างยาวนาน
  • วิวทิวทัศน์: จากยอดเขาสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามได้ถึง 360 องศา มองเห็นหุบเขาอันเขียวขจีของอำเภอแจ้ห่ม และภูมิทัศน์ของจังหวัดลำปาง

ประวัติความเป็นมา

วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2547 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เนื่องในวโรกาสพระราชสมภพครบ 200 ปี แรงบันดาลใจในการสร้างวัดมาจากหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล (พระเทพวิสุทธิญาณ) เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา ที่ได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทบนดอยปู่ยักษ์ และเกิดศรัทธาในการพัฒนาสถานที่แห่งนี้

5.ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งเกวียน ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 11 (ลำปาง–ลำพูน)

ประวัติความเป็นมา

เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2512 ในฐานะศูนย์ฝึกลูกช้างแห่งแรกและแห่งเดียวในโลก เพื่อฝึกช้างให้มีความชำนาญในการทำไม้ ต่อมาเมื่อมีนโยบายปิดป่าในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์ฯ ได้ปรับบทบาทมาเป็นสถานที่ดูแลช้างแก่และเจ็บป่วย รวมถึงจัดตั้งโรงพยาบาลช้าง และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

กิจกรรมเด่น

  • ชมการแสดงช้าง: การแสดงความสามารถของช้าง เช่น การลากซุง วาดภาพ และแสดงทักษะต่าง ๆ จัดวันละ 2 รอบ เวลา 11.00 น. และ 13.30 น.
  • ช้างอาบน้ำ: ชมช้างอาบน้ำในบ่อน้ำธรรมชาติ วันละ 2 รอบ เวลา 10.45 น. และ 13.15 น.
  • นั่งช้างชมธรรมชาติ: บริการนั่งช้างชมทิวทัศน์ธรรมชาติรอบศูนย์ฯ มีทั้งแบบนั่งหลังเปล่าและบนแหย่ง
  • ชมช้างโขลง: นั่งรถชมวิถีชีวิตช้างโขลงในพื้นที่ธรรมชาติ จัดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.30 น. และ 15.30 น.
  • โรงเรียนฝึกควาญช้าง: หลักสูตรฝึกอบรมควาญช้างสำหรับผู้สนใจเรียนรู้การดูแลช้างอย่างถูกต้อง